เนคเทคจัดแข่งขันโอเพนซอร์สซอฟต์แวร์ปี 2554

เนคเทค จัดกิจกรรม “การแข่งขันระบบปฏิบัติการลินุกซ์แห่งประเทศไทย ปี 2554 หวังพัฒนาศักยภาพด้านซอฟต์แวร์ ลดการละเมิดลิขสิทธิ์ และการนำเข่้า สำหรับ นักเรียนม.6และ ปชช.ทั่วไป เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ – 29 ก.ย.2554…

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) จัดกิจกรรม “การแข่งขันระบบปฏิบัติการลินุกซ์แห่งประเทศไทย (National Linux Competition: NLC 2012) เพื่อส่งเสริมการใช้งานซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สภายในประเทศ เพิ่มปริมาณผู้ใช้งาน สร้างความเข้าใจให้แก่สถาบันการศึกษาสามารถนำไปเผยแพร่และส่งเสริมได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้ลดปริมาณการละเมิดลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์ ลดการสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศ และเป็นการพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านซอฟต์แวร์เทคโนโลยีได้

สำหรับรูปแบบของการจัดแข่งขันนี้ เป็นเวทีแสดงความสามารถให้แก่เยาวชนที่สนใจ ที่กำลังศึกษาอยู่ไม่เกิน ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า และประชาชนทั่วไป ให้ได้มีโอกาสทดสอบและพัฒนาความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการใช้งานระบบปฏิบัติการลินุกซ์และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส อีกทั้งยังเป็นการปูพื้นฐานเพื่อพัฒนากำลังคนให้มีความรู้ความสามารถ และความเชื่อมั่นด้านเทคโนโลยี Open Source Software อีกด้วย ซึ่งเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ – 29 กันยายน 2554 รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.opensource2day.com

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 27 ส.ค. 54

ไอซีทีใช้ข้อมูลดาวเทียมเฝ้าระวังเตือนภัยดินถล่ม

กระทรวงไอซีที ศึกษาวิจัยการประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียมสำหรับการเฝ้าระวังและเตือนภัยดินถล่ม พร้อมบุคลากรด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากหน่วยงานภาครัฐ เข้าร่วมกว่า 50 คน…

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที กล่าวว่า จากการสัมมนาโครงการศึกษาวิจัยภายใต้ความร่วมมือองค์การความร่วมมือด้านอวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิก (APSCO) ครั้งที่ 1 กระทรวงไอซีที ดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาต่อยอดจากโครงการที่ประเทศไทยเคยมีความร่วมมือ กับองค์การความร่วมมือด้านอวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิก (Asia Pacific Space Cooperation Organization–APSCO) ได้แก่ โครงการประยุกต์ใช้ดาวเทียมสำหรับการเฝ้าระวังและระบบเตือนภัยทางพื้นดินและทางทะเล ภายใต้ความร่วมมือองค์การ APSCO ในปี 2552 และเพื่อส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือในการพัฒนาองค์ความรู้ การประยุกต์ใช้ประโยชน์จากดาวเทียม การพัฒนากิจการอวกาศของประเทศ และพัฒนาต่อยอดจากการดำเนินโครงการที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะศึกษาและวิจัยการประยุกต์ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการประเมิน ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อพัฒนาระบบแจ้งเตือน ภัย เนื่องจากดินถล่มเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ยากต่อการเตือนภัยหรือหลบหนีได้ทัน ที่ในประเทศไทยยังไม่มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการเตือนภัยทางตรง

“โครงการศึกษาวิจัยฯ นี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้ได้ผลการศึกษาวิจัยที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ ภาพถ่ายดาวเทียมในการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดินถล่มในพื้นที่ เสี่ยงภัย รวมทั้งผลศึกษาวิจัยและพัฒนาต่อยอดแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ที่สามารถใช้ประเมินโอกาสการเกิดภัยดินถล่มในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิผล เพื่อประโยชน์พัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยในอนาคต นอกจากนั้น ยังพัฒนาความร่วมมือภายใต้ความร่วมมือด้าน อวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิกในการใช้ข้อมูลร่วมกันในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเพื่อประยุกต์ใช้ดาวเทียมสำหรับการเฝ้าระวังและระบบเตือนภัย” รองปลัดไอซีที กล่าว

ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอผลงานศึกษาวิจัยของโครงการฯ กระทรวงไอซีที จึงได้จัดการสัมมนาขึ้น โดยเชิญอาจารย์ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการประมวลผลข้อมูลดาวเทียม จากสถาบันการศึกษา และบุคลากรด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากหน่วยงานภาครัฐ จำนวนประมาณ 50 คน เข้าร่วม

นอกจากนี้ ยังหวังว่าผู้เข้าร่วมการสัมมนาฯ ครั้งนี้ จะได้รับทราบถึงโครงการแบ่งปันข้อมูลดาวเทียมภายใต้องค์การ APSCO และแนวทางการประยุกต์ใช้งานเพื่อกิจการด้านภัยพิบัติ รวมทั้งได้ติดตามความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนาของโครงการฯ ตลอดจน ได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างความร่วมมือและการวิจัยต่อยอด นอกจากนี้ ยังสร้างให้เกิดเครือข่ายองค์ความรู้ในด้านการวิจัย และการพัฒนาด้านกิจการอวกาศ เพื่อสามารถประยุกต์ใช้งานข้อมูลดาวเทียมในการพัฒนาระบบแจ้งการเตือนภัยในอนาคต

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 27 ส.ค. 54

ในวันที่เราต้องไกลกัน!! (Android) find my droid SeekDroid Find My iPhone Where’s My Droid Lookout andrid app

“มีสลึง พึงบรรจบ จนครบหมื่น

สุดจะตื่น ถอยดรอยด์น้อย ค่อยประสงค์

มีน้อย เก็บน้อย ค่อยหย่อนลง

แล้วจ่ายลง ที่พันทิป เพื่อดรอยด์เรา”

Today App & Trick -  นั่งศึกษาหาข้อมูลกว่าครึ่งปี พร้อมการเก็บหอมรอมริบนี้ เมื่อครบ บรรจบความ จึงพร้อมจิ้มไปที่ HTC รุ่นฮาร์ดแวร์พอดีๆ กับฟีเจอร์ตามกำลังทรัพย์ เกิดมาเพิ่งเห็นค่าสิ่งของ อันได้จากน้ำแรงน้ำเหงื่อตัวเอง เป็นธรรมดาว่าต้องรักต้องหวง และอยากให้แน่ใจว่าจะไม่หลุดมือไปไหนๆ ภายใต้ยุคสมัยที่สมาร์ทโฟน สามารถแลกมาม่าได้หลายลัง มองหากรมธรรม์ประกันดรอยด์ มีหนใดบ้าง

ไม่มีกรมธรรม์ประกันมือถือ แต่มีหนทางในการเซฟดรอยด์รวมถึงไอโฟน เมื่อหลงทาง ฉันจะตามไปเจอ แม้ไปอยู่ ณ ทางช้างเผือก เอาเป็นว่าพบกับวิธีทวงคืนสมาร์ทโฟนกันจ๊ะ ณ จุดนี้ !!  

SeekDroid (Android)

SeekDroid  คือ อีกหนึ่งส่วนผสมที่เข้ากันดีกับ GPS เทคโนโยี ที่จะตามติดน้องดรอยด์ไปทุกที่ พร้อมทั้งละบุพิกัดได้จาก Google Map แล้วทำการ Log on กลางอากาศ จากมือผู้ประสงค์ร้าย นอกจากนั้นยัง สามารถ Wipe ล้างข้อมูล  และยังช่วยให้คุณเห็นและโทรหามนุษย์ที่กำลังครอบครองน้องดรอย์คุณอยู่ สามารถตั้งค่าเสียง และเลือกเซทข้อความเพื่อส่งยังผู้ใจบุญ ในละแวกที่ดรอยด์อยู่ ก่อนนำกลับมาคืนอย่างปลอดภัย ไคล์แมกซ์อยู่ที่สามารถซ่อนตัวแอพฯ ในลิสก์ manage เพื่อป้องกันการถอดถอนได้ จำไว้ถ้าคลาดกันกับดรอยด์ใดๆ เปิด Seek Droid ไซต์ เพื่อทวงคืนดรอย์มา!!  ราคา $0.99 ประมาณ 29 บาท เท่านั้น 

Find My iPhone (iOS)

ไอโฟน = คุณค่าที่สาวกคู่ควร ด้วยเพราะส่วนหนึ่งสาวกให้ราคา เป็นตัววัดค่าประสิทธิภาพ และเมื่อไม่ได้ไปปล้นใครเพื่อให้ได้มา จะใช้คุ้มค่าหรือไม่เป็นเรื่องส่วนตัว ใยต้องดราม่าใส่กัน!!!  เกิดเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อต้องพลัดกันกับ iPhone หายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิด Find My iPhone ฟรีแอพฯ จากแอปเปิ้ล ที่สามารถช่วยคุณหา iPhone รวมถึงอุปกรณ์ iOS ( 3.1.3 ขึ้นไป ) อื่นๆ ทั้ง  iPad, iPod Touch 4th gen แอพฯ จะเชื่อมต่อกับMobile Me ซึ่งตอนนี้กำลังโอนย้ายถ่ายร่างสู่ iCloud  ณ จุดนี้ จะสามารถระบุพิกัด iOS บนอุปกรณ์ของคุณบนแผนที่ เลือกให้ส่งเมสเสสและการแจ้งเตือน  รีโมทระยะไกล เพื่อ Log on กลางอากาศ และ set พาสเวิดส์ หรือ Wipe Data ทุกอย่างให้หายวับ ทั้งหมดนี้ฟรี!! จิ้มสิ!

Where’s My Droid (Android)

กลับมาที่น้องดรอยด์อีกครั้ง กับอีกหนึ่งตัวเลือกในการทวงคืนของรักของข้ากับ  Where’s My Droid  ฟรีแอพฯ เพื่อการตามหา อันแสนง่ายดายอีกตัว  เหมาะกับสถาณการณ์อัลไซเมอร์ระยะฟักตัวของคุณ ที่มักลืมนู่น หลงนี่ ภายในบ้าน และตาม Chart ไอเท็มประจำกายที่มักหลงลืม ป่ำเป๋อ มือถือติดอยู่ในลิสก์ลำดับต้นๆ   ในโหมดของ Ringer บน Where’s My Droid จะช่วยให้คุณหามือถือได้จากเสียงริงโทนที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ยังสามารถโชว์แผนที่ จากการเชื่อมต่อ GPS  พร้อมฟีเจอร์ในการส่ง SMS เข้าเครื่องและเชื่อมต่อยังอีเมลล์ แสดงผลบนหน้าจอคอมพ์ ช่วยให้คุณทราบว่าเกิดอะไรกับดรอย์น้อยหอยสังข์ของคุณบ้างนั่นเอง!! จิ้มสิ!

Prey (Android)

สำหรับ Prey แล้ว กำเนิดมาเพื่อป้องกันการโจรกรรมโดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างออกไปเพราะทำการป้องกันกับอุปกรณ์อื่น ที่รันโอเอสต่างๆ อาทิ Windows, Mac, หรือ Linux โดยยืมร่างน้องดรอยด์ในการติดตาม การทำงานจะส่งการแจ้งเตือน “GO PREY” เข้ามือถือหากพบความผิดปรกติ อาทิ การ Log in ผิดพลาด ไปจนกระทั่ง พยายามเคลื่อนย้ายอุปกรณ์บางอย่าง  พร้อมทั้งสามารถแสดง location ส่งรายละเอียดของตัวเครื่องจากสัญญาณไวเลสใกล้เคียง ก่อนสั่ง Log on กลางอากาศ  หรือเปิดการแจ้งเตือนทางเสียงจากที่เกิดเหตุ เพื่อให้มิจฉาชีพตกใจ!!  สามารถเลือกจ่ายเพิ่มอัพฟีเจอร์ได้ $5/เดือน ประมาณ 149 บาท  หรือ $399/เดือน ประมาณ 11,900 บาท ในกรณีติดตามหลายๆ อุปกรณ์หรือองค์กร !! จิ้มสิ!

Lookout (Android)

มาถึง Lookout ฟรีแอพฯ ซึ่งสามารถใช้ได้หลาย device ทั้ง Android, BlackBerry, Windows Mobile เมื่อคลาดกันกับสมาร์ทโฟนอีกรอบ สิ่งที่คุณกังวลที่สุด อาจเป็นข้อมูลในโทรศัพท์ เมสเสจการโต้ตอบฉอเลาะ ระหว่างกิ๊กคนที่ 7  เผยแพร่ หากคราวเคราะห์มาเยือนผู้เก็บมือถือเจ้ากรรมได้คือแฟนเรา “Lookout” จะทำการค้นหา, Back up ข้อมูลยังเว็บเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นคุณสามารถสั่ง Clean ทุกอย่าง Wipe all data พร้อมผ่านเว็บบราวเซอร์ภายในขั้นตอนเดียว  นอกจากนั้นยังในรุ่นพรีเมี่ยมยังเสริมประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย ทั้งข้อมูลส่วนตัว และในส่วนผู้บุกรุกอย่าง Spyware ได้ ในราคา $2.99/เดือน ประมาณ 89 บาท หรือแบบรายปีเพียง $29.99 ประมาณ 895 บาท เท่านั้น  จิ้มสิ!

ที่มา: http://tech.mthai.com/mobile-tablet/9346.html 22 ส.ค.54                                                          ขอขอบคุณวิดีโอดี ๆ จาก http://www.youtube.com

กูเกิลเพิ่มระบบแจ้งเตือนมัลแวร์ในผลการค้นหา!

Search Engine -  ความเจริญเหมือนเหรียญ 2 ด้าน สร้างสรรค์หรือทำลาย!! ล่าสุดกูเกิลเพิ่มการปรับปรุงระบบค้นหาเพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ ในการดาวน์โหลดซอร์ฟแวร์สุ่มเสี่ยงต่อมัลแวร์!!

รายงานด้านความปลอดภัยพบว่า แม้จะมีการทำงานด้านความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ แต่ผู้ใช้มักโดนคุกคามจากมัลแวร์ ซึ่งแฝงตัวมากับการดาวน์โหลดซอร์ฟแวร์สุ่มเสี่ยงต่างๆ หลังจากมีการทำงานร่วมกับทีมรักษาความปลอดภัย จึงได้ทำการเพิ่มการแจ้งเตือนซอร์ฟแวร์สุ่มเสี่ยง ด้านบนในผลการค้นหา เมื่อผู้ใช้พยายามที่ดาวน์โหลดฟีเจอร์ใดๆ มาติดตั้ง!!

“มัลแวร์มากมาย ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ แม้จะติดตั้งระบบแอนตี้ไวรัส แต่เราพบว่า การแจ้งเตือนที่โดดเด่นจะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับป้องกันจากต้นสาย และในฐานะที่กูเกิลเป็นตัวกลางให้ผู้ใช้กับมัลแวร์ ฟีเจอร์การแจ้งเตือนจึงน่าจะช่วยให้ผู้ใช้ ระมัดระวังป้องกันได้โดยตรง ” Damian Menscher  วิศวกรรักษาความปลอดภัย กล่าว

อย่า่งไรก็ดีกูเกิลไม่เคยใช้ ระบบการแจ้งเตือนขนาดใหญ่ ในผลการค้นหามาก่อน นอกจากความผิดพลาดเล็กๆ กับทุกเว็บไซต์ เมื่อปี 2009 นอกจากนั้นกูเกิลยังตระหนักว่า ยังไงเสียก็ไม่สามารถคุ้มครองผู้ใช้จากมัลแวร์ได้ทั้งหมดทุกคน จึงเพิ่มข้อแนะนำผู้ใช้ใน Help Center Article สำหรับการแจ้งเตือนดังกล่าว จะขึ้นมาเมื่อพบซอร์ฟแวร์สุ่มเสี่ยงเท่านั้น และมันคงไม่ดูเกะกะตามากมายนัก หากสิ่งที่ได้มาคือความปลอดภัยในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคุณ!!

Source By Mashable, Googleblog

ที่มา: http://tech.mthai.com 20 ก.ค. 54

“ฮัลโหลโมเกิล” วิวาห์แล้วหมื่นล้าน!! Google Motorola

Tech Wedding – และแล้วกูเกิลก็เดินหมากเข้าสู่กระดานฮาร์ดแวร์จนได้!! หลังแจ้งเกิดให้กับแพรตฟอร์มอย่าง”Android” ไปอย่างสง่างาม  ซึ่งแม้จะมีพันธมิตรร่วมปักธงศึกสมาร์ทโฟนด้วยหลายราย  แต่คู่แข่งต่างก็มีกำลังด้านยุทโธปกรณ์ (Hardware ) พร้อมแรงบุ๋น (Mobile Platform) ของตัวเองสำหรับสงครามแบบครบสูตร!!  โดยทางกูเกิลกลับต้องอาศัยคลังแสงพันธมิตร ผนวกกำลังสมองของตัวเองทำศึก ซึ่งมองดูแล้วปมดังกล่าวอาจนำมาซึ่งความปราชัย เป็นผลให้ตัดสินใจเข้าซื้อ “โมโตโรล่า โมบิลิตี้ โฮลดิ้ง” ของพันธมิตรโมโตโรล่า ด้วยค่าตัวกว่าหมื่นล้านในที่สุด!!

ย้อนกลับไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทโมโตโรล่า ผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารจากสหรัฐอเมริกา ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ได้ทำการแบ่งแยกกิจการออกเป็นสองบริษัท ได้แก่ “โมโตโรล่า โมบิลิตี้ โฮลดิ้ง” เพื่องานด้านผลิตภัณฑ์ กับ“โมโตโรล่า โซลูชั่น” สำหรับงานด้านพัฒนาองค์กรและภาครัฐ ทั้งนี้เพื่อความชัดเจนสำหรับพุ่งเป้าในการทำงานและเป็นสัดส่วน ท่ามกลางกระแสข่าวการอยากเข้ามามีส่วนร่วมภายในของเจ้าพ่อไอที หลายค่าย อาทิ ไมโครซอท์ฟ  ก่อนที่จะเซย์ เยส กับ กูเกิล ดังกล่าว ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับวงการมากทีเดียว!

การตัดสินใจเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ด้วยมูลค่าถึง 12.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 40 เหรียญฯ ต่อหุ้น โดยมีแรงบีบจากพี่เบิ้มไมโครซอ์ฟเป็นตัวเร่งในการเข้าซื้อนั้น ถือเป็นการควักกระเป๋าครั้งใหญ่ของทางกูเกิลทีเดียว  โดยข้อตกลงดังกล่าวได้รับมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ จากคณะกรรมการบริหารทั้งสองบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ด้านกูเกิล ณ เวลานี้ มีการครอบครองสิทธิบัตร เกี่ยวกับเครือข่ายไร้สายและการสื่อสารโทรคมนาคมอยู่เพียงเล็กน้อย ก็จะส่งผลให้มีนัยยะสำคัญต่อการฟ้องร้องคดีของบริษัทรวมถึงมิตรสหายดรอยด์ตามมา!!

เนื่องจากการเข้าซื้อดังกล่าว เป็นผลให้กูเกิลได้ครอบครองสิทธิบัตรอีกหลายฉบับ อันจะได้มาซึ่งกรรมสิทธิเช่นเดียวกับ แอนดรอยด์แพลตฟอร์มอย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็ถือเป็นการผลักดัน ให้กูเกิลเข้าสู่สนามการแข่งขันกับบริษัทที่ได้รับสิทธิในการใช้แอนดรอยด์ได้โดยตรง

ซึ่งข้อกังขาในเรื่องนี้กูเกิลก็ยืนกรานหนักแน่นว่า จะยังคงมีการนำเสนอแอนดรอยด์ให้เป็นแพลตฟอร์มเปิดอย่างต่อเนื่อง แก่บริษัทพันธมิตรอย่าง ซัมซุง หรือ เอชทีซี มิตรเก่ามิตรแก่ และจะยังได้รับสิทธิในการใช้แอนดรอยด์เหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้สำหรับการทำธุรกรรมของสองยักษ์ใหญ่ จากสองวงการจะเสร็จสมบูรณ์ภายในต้นปี 2012 ถ้าไม่ติดขัดในเรื่องของกฏหมายที่กำหนดไว้ และน่าติดตามต่อไป ว่ายุทธพิชัยฮาร์ดแวย์จะเสริมกำลังรบให้กูเกิลได้มากน้อยขนาดไหน ก็ได้แต่ภาวนาว่ามันคงไม่ซ้ำรอยการตลาด “Nexus one” กูเกิลโฟนตัวแรกที่แรงแต่ตัว แต่ยอดขายปวกเปียกกระป๋องกระแป๋งสิ้นดี!!

ที่มา: http://tech.mthai.com/mobile-tablet/9213.html 16 ส.ค. 54

ซัมซุงเดินเครื่องโน้ตบุ๊ค"พลังแสงอาทิตย์"

ตอนแรกดูเหมือนจะเป้นโน้ตบุ๊คที่ทำออกมาเพื่อเอาใจกระแส แต่ล่าสุดมีรายงานว่า หลังจากที่ Samsung ได้ทำตลาด NC215 โน้ตบุ๊คพลังงานแสงอาทิตย์ในรัสเซีย แอฟริกา และอเมริกาเหนือ เมื่อวานนี้ ถึงเวลาทำตลาดในเกาหลีแล้ว โดย NC215 เป็นโน้ตบุ๊คขนาดเล็กหน้าจอ 10.1 นิ้ว ฝาปิดด้านหน้าจะมีแผงโซลาร์เซลที่หากทิ้งไว้กลางแจ้ง 2 ชั่วโมงจะสามารถชาร์จแบตฯ เพื่อใช้งานได้นานประมาณ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ในขณะที่หากแบตเตอรี่ของ Samsung NC215 ได้รับการชาร์จแบตฯจนเต็มจะสามารถใช้งานได้นานถึง 14 ชั่วโมง และรองรับการรีชาร์จได้ถึง 1,000 ครั้ง (ชาร์จทุกวัน อายุของแบตฯ ก็จะอยู่ได้ประมาณสองปีครึ่ง) ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยี Power Plus ของ Samsung นั่นเอง สนนราคาของ Samsung NC215 ในเกาหลีอยู่ที่ 600,000 วอน หรือประมาณ 16,500 บาท

สำหรับคุณสมบัติของ NC215 ที่วางตลาดในเกาหลีก็จะไม่ได้มีความแตกต่างจากรุ่นที่วางตลาดในประเทศต่างๆ โดยหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล ดูอัลคอร์โพรเซสเซอร์ Intel Atom N570 ความเร็ว 1.66GHz หน่วยความจำ DDR3 1GB และสตอเรจ 250GB ความเร็วรอบฮาร์ดดิสก์ 5400 RPM กราฟิกเป็น Intel Graphics เว็บแคม ช่องใส่การ์ดหน่วยความจำ SD พอร์ต USB, Ehternet และไร้สาย Wi-Fi ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 7 Starter Edition เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องใช้งานโน้ตบุ๊คนอกสถานที่ กำลังนึกอยู่ว่า ถ้ามาวางตลาดในไทย โดนแดดร้อนขนาดนี้ เครื่องจะไม่ร้อนเกินไป หรือแบตฯ จะไม่เสื่อมก่อนเวลาอันควร หรือเปล่านะ?

เว็บไซต์ในข่าว: Samsung

ที่มา: http://www.arip.co.th/news.php?id=414220 23 สิงหาคม 2554 เวลา 06:20 น.

Google+ เพิ่มป้ายระบุคนดัง"ตัวจริง"

คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า คนดังที่คุณกำลังตามติดเขาอยู่ใน Google+ เป็นตัวจริง หรือที่ร้ายไปกว่านั้น มันเป็นไปได้ไหมที่เจ้าของโพรไฟล์ลาร์รี่เพจ (ซีอีโอของกูเกิ้ล) ใน Google+ ตัวจริงอาจจะเป็นซัคเคอร์เบิร์ก??? ความกังวลดังกล่ายจะหมดไป เมื่อ Google+ ได้ออกระบบทวนสอบผู้ใช้ใหม่ (new verification system) ซึ่งจะตอบคำถามเหล่านี้ เพื่อป้องกันผู้ใช้ตกเป็นหยื่อของนักต้มตุ๋น หรือพวกชอบสวมรอยคนดัง

Wen-Ai Yu พนักงานสาวของ Google ได้ออกมาอธิบายผ่านนล็อกของทางบริษัทว่า ทีม Google+ มุ่งเน้นที่จะทวนสอบภาพของบุคคลสาธารณะ ตลอดจนผู้ใช้ที่มีจำนวนเพื่อนใน Circles เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังบอกด้วยว่า GOogle+ กำลังเพิ่มขยายการทำงานส่วนนี้กับผู้ใช้ทั่วไปด้วย สำหรับคุณสมบัติใหม่ที่ใช้ระบุตัวจริงของผู้ใช้ Google+ จะอยู่ในรูปฟอร์มของป้าย (badges) ทีมีลักษณะเป็นรูปเครื่องหมายถูกข้างๆ ชื่อของเจ้าของโพรไฟล์ และเมื่อเลื่อนเมาส์ไปบนเครื่องหมายถูก มันก็จะมีแบเนอร์เล็กๆ เลื่อนออกมาพร้อมคำว่า "verified name" หมายความว่า ชื่อนี้ได้รับการทวนสอบเรียบร้อยว่า เป็นตัวจริง

อย่างไรก็ตาม Yu ไม่ได้อธิบายว่า ทีมงานของ Google+ ทวนสอบ เพื่อระบุตัวตนผู้ใช้เหล่านี้ได้อย่างไร? การระบุชื่อจริงที่สมบูรณ์เป็นแค่ข้อมูลขั้นต้นในการระบุตัวจริงของผู้ใช้ แต่เป็นสิ่งที่เหล่าบรรดาโซเชียลเน็ตเวิร์กให้ความสำคัญมาก โดยเฉพาะผู้ใช้ที่เป็นคนดัง หรือมีอิทธิพลต่อความคิด หรือแม้แต่ผู้ใช้ทั่วไปก็ตาม เพราะในโลกสังคมออนไลน์มีทั้งคนดี และไม่ดีอยู่ในนั้น นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวตนใน Google+ ยังอาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องถกเถียงไม่สิ้นสุดเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว และเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่จะตามมาเช่นเดียวกับที Facebook ได้เคยเผชิญมาแล้วก่อนหน้านี้

ข้อมูลจาก: googleblog

ที่มา: เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th 22 สิงหาคม 2554 เวลา 06:12 น.

ก.ไอซีที เชิญชวนประชาชนใช้บริการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111

นางจีราวรรณ  บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินงานของศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Government Contact Center : GCC 1111) ว่า ปัจจุบัน GCC 1111 ได้ให้บริการข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ทั้ง 20 กระทรวง และอีก 13 หน่วยงานอิสระ โดยได้มีการประสานกับหน่วยงานเจ้าของข้อมูลในการพัฒนาปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ  เพื่อนำเข้าข้อมูลที่ทันสมัยพร้อมให้บริการแก่ประชาชนอยู่ตลอดเวลา โดยแต่ละเดือนมีจำนวนสายเรียกเข้าเฉลี่ยประมาณ 600,000 ครั้ง ซึ่งสามารถแบ่งสัดส่วนจำนวนสายเรียกเข้าเป็นบริการสอบถามข้อมูลประมาณร้อยละ 70 และบริการรับเรื่องร้องเรียน ประมาณร้อยละ 30

           สำหรับข้อมูลที่ประชาชนส่วนใหญ่สนใจสอบถามนั้นเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น การทำบัตรประจำตัวประชาชนครั้งแรก กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โครงการรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต การนำเงินบำนาญตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้  การขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว เป็นต้น ซึ่ง GCC 1111 ได้มีการปรับปรุงในระบบเพื่อให้ข้อมูลต่างๆ เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นข่าวประจำวัน ข้อมูลทั่วไป ข้อมูลเศรษฐกิจและพยากรณ์อากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาคุณภาพการให้บริการให้ได้ตามที่เกณฑ์มาตรฐานการให้บริการข้อมูลข่าวสารเพื่อการควบคุมคุณภาพการให้บริการของ GCC 1111 เพื่อให้ตอบสนองบริการต่อประชาชนได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังได้พัฒนาคุณภาพของพนักงานรับสายอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดอบรมเพื่อมุ่งเน้นเพิ่มองค์ความรู้และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน รวมถึงการให้องค์ความรู้และพัฒนาการให้บริการกับพนักงานรับสายที่เข้าทำงานใหม่ เช่น หลักสูตรคุณภาพในการให้บริการ หลักสูตรทักษะการให้บริการงาน Call Center หลักสูตรจิตวิทยาในการทำงาน หลักสูตรองค์ความรู้ของกระทรวง เป็นต้น

           “GCC 1111 ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชนอยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทำความตกลงสร้างเครือข่ายร่วมกับศูนย์บริการข้อมูลสรรพากร (RD Call Center 1161) โดยการจัดให้มีทีมงานให้บริการข้อมูลด้านภาษีแก่ประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเข้าถึงเจ้าหน้าที่ได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนั้นยังได้มีการหารือร่วมกับสำนักงาน ตรวจคนเข้าเมือง ถึงแนวทางในการเชื่อมโยงการให้บริการ โดยเบื้องต้นให้ประชาชนสามารถติดต่อผ่านเลขหมาย 1178  ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือสามารถติดต่อมายัง GCC1111 เพื่อขอใช้บริการได้เช่นกัน  ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะได้มีการพิจารณาทำความตกลงในการพัฒนาการให้บริการร่วมกันต่อไป” นางจีราวรรณ กล่าว

          ปัจจุบัน GCC 1111 ได้เปิดบริการสอบถามข้อมูลทั่วไป ข้อมูลสถานที่ เลขหมายเพื่อการติดต่อ และรับเรื่องร้องเรียน ให้ประชาชนทั่วไปสามารถติดต่อได้ใน 4 ช่องทาง คือ โทรศัพท์หมายเลข 1111 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รับสายทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง อีเมล์  contact_1111@gcc.go.th เว็บไซต์ www.gcc.go.th  และ โทรสารหมายเลข 1111

          “กระทรวงไอซีที ขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปใช้บริการสอบถามข้อมูลจาก GCC 1111 ซึ่งได้มีการรวบรวมข้อมูล ข่าวสาร และบริการจากหน่วยงานภาครัฐต่างๆ มาไว้ ณ จุดเดียว เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในการสอบถามข้อมูลต่างๆ ผ่านเลขหมาย GCC 1111 เพียงเลขหมายเดียว”

ที่มา: http://www.mict.go.th/ewt_news.php?nid=4871&filename=index  วันที่ 19 ส.ค.54

ทรูเปิด "ไอรู้" แหล่งชุมนุมคนอินเทรนด์

ทรูเปิดแหล่งชุมนุมคนอินเทรนด์ ”ไอรู้”จัดสถานที่ทดสอบ 3จี ไวไฟ และแหล่งสร้างสรรค์แอพใหม่ สำหรับสมาร์ทโฟน พร้อมเปิดทดสอบ 3 แอพ

ทรูเปิดแหล่งชุมนุมคนอินเทรนด์ ”ไอรู้”จัดสถานที่ทดสอบ 3จี ไวไฟ และแหล่งสร้างสรรค์แอพใหม่ สำหรับสมาร์ทโฟน พร้อมเปิดทดสอบ 3 แอพ สนองความต้องการแอพใหม่ๆ เพิ่ม เกาะกระแสสมาร์ทโฟนโต ชี้ยอดดาวน์โหลดแอพมีสิทธิ์พุ่ง 8 ล้านโหลดปีหน้า

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ คอนเวอร์เจนซ์ กลุ่มบริษัททรู และกรรมการผู้จัดการ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า จากอัตราการเติบโตของสมาร์ทโฟน ทั้งไอโฟน แบล็คเบอร์รี่ และแอนดรอยด์ ที่ปัจจุบันมีผู้ซื้อเครื่องถูกต้องในไทยประมาณ 1.8 ล้านเครื่อง แบ่งเป็น ไอโฟน และแบล็คเบอร์รี่ อย่างละ 6-7 แสนเครื่อง แอนดรอยด์ 3-4 แสนเครื่อง และยังมีเครื่องที่ซื้อจากตลาดอื่น ซึ่งรวมการใช้งานสมาร์ทโฟนในประเทศราว10% ของยอดมือถือโดยรวม ส่งผลให้ตลาดแอพพลิเคชั่นเติบโตขึ้นมาก

“ทรูเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ และแอพพลิเคชั่น รายใหญ่ที่สุด และเป็นโอเปอเรเตอร์เพียงรายเดียวของไทยที่พัฒนาแอพพลิเคชั่น ซึ่งส่วนมากเพื่อให้บริการฟรีแก่ผู้ใช้ สนับสนุนการให้จำหน่ายเครื่อง และให้บริการโทรศัพท์มือถือในเครือ พบว่ามียอดการเติบโตของการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นจากปี 2552 ที่ 3-4 แสนโหลด เพิ่มเป็น 1 ล้านโหลดเมื่อปี 2553 และปัจจุบันครึ่งปี ยอดเพิ่มเป็น 2 ล้านโหลด เชื่อว่าภายในสิ้นปีจะเป็น 3-4 ล้านโหลด หรือเติบโต 400%” นายอติรุฒม์ กล่าว

อัตราการเติบโตของยอดดาวน์โหลดแอพดังกล่าว มาจากการที่ยอดใช้งานสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปีถัดๆ ไป ตามอัตราการเติบโตของสมาร์ทโฟนที่เชื่อว่า ผู้ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่จะเปลี่ยนมาเป็นสมาร์ทโฟนมากขึ้น เช่น ตลาดสหรัฐอเมริกายอดผู้ซื้อใหม่เลือกสมาร์ทโฟน 40% ซึ่งประเทศไทยกว่าจะถึงระดับนั้นอาจต้องใช้เวลา 5-6 ปีหรือเร็วกว่า 

“ปีหน้ายอดดาวน์โหลดมีโอกาสเพิ่มขึ้น 6-8 ล้านโหลด ขึ้นอยู่กับสมาร์ทโฟน 3จี และแอพโดนใจ ตอบสนองความต้องการ หรือตอบโจทย์ผู้ใช้ได้เพียงใด” นายอติรุฒม์ กล่าว 

ทั้งนี้ ทรู ยังได้เปิดงาน”ไอรู้ เดย์” (iRU) วันนัดพบคนอินเทรนด์ คอมมูนิตี้แหล่งใหม่ ณทรูมูฟ สแควร์ เพื่อเปิดโอกาสให้นักพัฒนา บล็อกเกอร์ และผู้สนใจพบปะแลกเปลี่ยนความรู้เทคโนโลยีต่างๆ ต่อยอดคอมมูนิตี้นักพัฒนาเลือดไทยจาก”ทรู แอพ เซ็นเตอร์”พร้อมกับทำ 3 เรื่อง คือ เปิดทดสอบ 3จีความเร็ว 7.2 เมกะบิตต่อวินาที ไวไฟ 8 เมกะบิตต่อวินาที และสร้างชุมชนนักพัฒนา

พร้อมกันนี้ ยังเปิดให้ทดลองฟรี 3 แอพพลิเคชั่นใหม่ ได้แก่ มายไลฟ์ (myLife) เชื่อมโซเชียล เน็ตเวิร์ค อัพเดทโลกส่วนตัว ทรูไลฟ์ทีวี (TrueLife TV) เกาะติดทีวีกว่า 500 ช่อง และกูรู เดลี่ (Guru Daily) รวบรวมคอนเทนท์ที่แบ่งไว้ 14 ไลฟ์สไตล์ โดยกด *873# เลือกฟัง Tech & Gadget หรือสมัครแพ็คเกจ Guru Daily ที่ www.truelife.com

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ไอที-นวัตกรรม 19 ส.ค.54 13:13