สตีฟ จ็อบส์ อดีตซีอีโอและผู้ก่อตั้งแอปเปิล เคยกล่าวไว้ว่า เขาต้องการ"ทำลาย"โทรศัพท์แบบแอนดรอยด์ให้ราบคาบ และเขาจะใช้เงินทั้งหมดของแอปเปิล และลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขา หากว่าจำเป็น เพื่อทำเช่นนั้น
ข้อความดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในหนังสืออัตชีวประวัติอย่างเป็นทางการที่เตรียมออกวางจำหน่ายเร็วๆนี้ โดยจ็อบส์ได้เปิดเผยกับนายวอลเตอร์ ไอแซคสัน ผู้เขียนหนังสือว่า เขามองความคล้ายคลึงของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของกูเกิล กับระบบไอโอเอส ว่า เป็น"หัวขโมยตัวยง" ก่อนหน้านี้ แอปเปิลเคยดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายเรื่องสิทธิบัตรต่อผู้ผลิตโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบแอนดรอยด์
สำนักข่าวเอพี ได้กล่าวอ้างคำพูดที่ระบุในหนังสือดังกล่าวที่จ็อบส์กล่าวว่า เขาจะทำลายโทรศัพท์แอนดรอยด์ให้หมดสิ้น เพราะว่ามันขโมยความคิดของเขา และนั่นทำให้เขาอยากที่จะประกาศสงครามนิวเคลียร์กับมัน จ็อบส์ยังกล่าวว่า เขาจะใช้ลมหายใจที่ยังเหลือหากว่าจำเป็น และจะใช้เงินทุกสตางค์ของแอปเปิลที่มีอยู่ 40,000 ล้านดอลลาร์ในธนาคาร เพื่อทำแก้ไขสิ่งที่ถูกต้อง
สตีฟ จ็อบส์ และอีริค ชมิดท์
ความสัมพันธ์ระหว่างแอปเปิลและกูเกิลในอดีตเป็นไปอย่างราบรื่น ก่อนหน้าที่กูเกิลจะเปิดตัวระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งในขณะนั้น นายอีริค ชมิดท์ ประธานของกูเกิล ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการของแอปเปิลด้วย
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เริ่มมีปัญหา เมื่อกูเกิลเปิดตัวระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2007 หรือ 10 เดือนหลังจากที่ไอโฟนรุ่นแรกออกวางจำหน่าย จนกระทั่งปัจจุบัน โทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 48% ขณะที่แอปเปิลมีเพียง 19% เท่านั้น
ก่อนหน้านี้แอปเปิลยื่นฟ้องบริษัทโทรศัพท์มือถือคู่แข่งจากไต้หวัน "เอชทีซี" ข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งทางฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่แอปเปิลใช้รับมือกับการเติบโตของซอฟต์แวร์ "แอนดรอยด์" ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คำฟ้องของแอปเปิลที่ยื่นต่อคณะกรรมาธิการการค้านานาชาติของสหรัฐอเมริกา และศาลเขตเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ครอบคลุมโทรศัพท์ของเอชทีซีหลายรุ่น ในจำนวนนั้นได้แก่ เน็กซัส วัน จี1 ฮีโร่ ดรีม และมายทัช 3จี ซึ่งทั้งหมดทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จากกูเกิล โดยหน่วยงานทั้ง 2 มีอำนาจออกคำสั่งระงับการนำเข้าและการจัดจำหน่ายชิ้นส่วนและโทรศัพท์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ได้