วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich กับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา





ในที่สุด Google ก็ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ หรือ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich ไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2554 ที่่ผ่านมา ซึ่งเปิดตัวพร้อมกับ Samsung Galaxy Nexus หรือชื่อโค้ดเนมเดิมว่า Nexus Prime ที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรก ที่ประเดิมใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich ครับโดยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich นั้น ทาง Google ได้ปูทางเอาไว้ให้ใช้ได้กับทั้ง สมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ต ภายในระบบปฏิบัติการเดียว ไม่เหมือนกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.0 Honeycomb ที่ใช้งานได้เฉพาะแต่ แท็บเล็ต เท่านั้น นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich ยังเป็นแบบ Open source ที่เปิดทางให้กับนักพัฒนา เข้ามาสร้างแอพพลิเคชั่นเพื่อรองรับ และพัฒนาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwichต่อไปในอนาคต ส่วนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม และมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาบ้าง ไปดูกันดีกว่าครับ


User Interface



สำหรับ UI บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich นั้น เป็นการผสมผสานกันระหว่าง ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3 Gingerbread และระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.0 Honeycomb ครับ แต่กลิ่นอายของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich จะโน้มเอียงมาทาง Honeycomb ซะส่วนใหญ่ อย่างเช่น หน้าจอตอนปลดล็อค รวมไปถึงปุ่ม 3 ปุ่มอย่าง ปุ่ม Back, Home และ Multitasking นอกจากนี้ หน้า Homescreen นั้น ยังสามารถสร้างโฟลเดอร์ รวมแอพพลิเคชั่นให้เป็นหมวดหมู่ได้ คล้ายๆ กับบน iOS ครับ


Notification



สำหรับส่วนของ Notification นั้น ยังเป็นแบบ Dropdown เหมือนเช่นเคยครับ แต่ภาพรวมของ Notification นั้น ถูกปรับปรุงให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังสามารถดูในส่วนของ Notification ได้จากหน้า Lock Screen ได้ทันที เช่นเดียวกับหมวดกล้องถ่ายรูป โดยไม่ต้องทำการปลดล็อคเหมือนแต่ก่อน



ในส่วนของ Virtual Keyboard นั้น ได้มีการแก้ไขในเรื่องการของ การสะกดคำ 
และการแก้ไขคำให้ถูกต้อง


หน้า Visual Multitasking สามารถเรียกใช้ Application ที่ถูกเปิดใช้งานก่อนหน้า
ได้จากกดปุ่มนี้เพียงปุ่มเดียว


หน้าจอขณะมีสายเข้า แบบใหม่

ฟังก์ชั่น และฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามา และทำการปรับปรุงให้ดีขึ้


ฟีเจอร์ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงบน ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich นั้น อยู่ที่แอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า New People ครับ ซึ่ง New People app ตัวนี้ มาแทนที่ Contact แบบเดิม ซึ่งมี UI ที่น่าใช้ และแสดงรายชื่อของผู้ติดต่อได้อย่างชัดเจน


ในส่วนของ Gmail นั้น ได้เพิ่มฟังก์ชั่น Swipe gestures เข้ามา และได้เพิ่มความรวดเร็วในการใช้งาน โดยการ pop-up รายชื่อผู้ติดต่อมาให้เลือก ขณะที่ผู้ใช้งานกำลังกรอกอีเมลที่ต้องการจะส่ง ซึ่งช่วยลดเวลาในการพิมพ์ได้เป็นอย่างดีครับ


เพิ่มระบบการสั่งการด้วยเสียง ให้พิมพ์เป็นข้อความตามคำพูดของเรา


ด้าน Browser นั้น ได้เพิ่มออปชั่น Save for offline reading สำหรับเซฟเว็บไซต์ไว้ดูแบบออฟไลน์ และดีไซน์ tab ใหม่ ให้สามารถเพิ่ม new tab ได้สูงสุดถึง 16 อันด้วยกัน นอกจากนี้ ยังสามารถดูเว็บไซต์ในโหมด Desktop ได้อีกด้วย


สามารถแชร์ภาพจาก Gallery ไปยัง Google+ หรือส่งอีเมลได้เลยทันที


ในหมวด Gallery นั้น มีโปรแกรมปรับแต่งภาพมาให้ในตัวด้วย

Data Usage

สำหรับส่วนของ Data Usage นั้น เป็นตัวช่วยควบคุมการใช้งานของเครื่อง ไม่ให้มีการใช้งานเกินลิมิต

Face Unlock

สำหรับฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Face Unlock นั้น เป็นอีกหนึ่งวิธีการปลดล็อคเครื่อง โดยทำการสแกนใบหน้าของเจ้าของเครื่อง

Android Beam

ฟีเจอร์ใหม่ ที่เก๋ไก๋ไม่แพ้ใคร มีชื่อว่า Android Beam ครับ โดย Android Beam นั้น เป็นฟีเจอร์ที่ทำการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี NFC ซึ่งเป็นแชร์ข้อมูลระหว่างเครื่องที่มีระบบ NFC ด้วยกัน โดยการนำเครื่องมาวางใกล้ๆ กัน แล้ว Beam 

กำหนดการอัพเดท ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich
สำหรับการอัพเดทอุปกรณ์ของเรา ให้เป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich นั้น คาดว่า น่าจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ แต่อุปกรณ์รุ่นใดบ้าง ที่จะสามารถอัพเดทได้ คงต้องรอการประกาศจากทาง Google อีกทีครับ

 ที่มา: รายละเอียดเพิ่มเติม : phonearena.com เมื่อวันที่ : 20 ตุลาคม 2554

แม่เจ้าโว้ย! วิศวกรค้นพบเทคโนโลยียืดอายุแบตเตอรี่ 10 เท่าแล้ว


batery_life
ว่ากันว่า iOS 5.0 ใหม่ของ iPhone ทำให้แบตเตอรี่หมดไวขึ้น บ้างก็ว่าใช่ บ้างก็ขอเถียง แต่ไม่ต้องห่วงครับ อีกไม่นานเราคงไม่ต้องมาใส่ใจอะไรเล็กๆ น้อยๆอย่างเรื่องแบตเตอรี่หมดไว ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในวงการมือถือในปัจจุบันนี้

Harold H. Kung ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเคมีและชีววิทยาแห่งคณะวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ประยุกต์แห่งมหาวิทยาลัย Northwestern ระบุในรายงานนิตยสาร Advanced Energy Materials ว่า "เราได้ค้นพบแนวทางการยืดอายุแบตเตอรี่ lithium-ion ใหม่เป็น 10 เท่า" และยังกล่าวต่อไปว่า "แม้ว่าหลังจากชาร์จ 150 ครั้ง ซึ่งหมายถึงกว่า 1 ปีหรือมากกว่านั้น แบตเตอรี่ยังคงมีประสิทธิภาพมากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ในตลาดปัจจุบันกว่า 5 เท่า"

ถ้าสามารถเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ดังกล่าวได้ถึง 10 เท่า นั้นหมายความว่า คุณจะไม่ต้องชาร์จมือถือเป็นสัปดาห์เลย และข่าวดีกว่านั้นคือ เวลาที่จะใช้ชาร์จสำหรับเทคโนโลยีใหม่นี้ ก็ใช้เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น!

ถ้าคุณยังอยากทราบเกี่ยวกับหลักการในการชาร์จแบตเตอรี่ ลองพิจารณาต่อทางนี้ครับ ในปัจจุบันแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่เราใช้งานกันนั้น พลังงานไฟฟ้าเกิดจากปฏิกริยาเคมี ระหว่างปลายสองด้านของแบตเตอรี่ ได้แก่ขั้วแอโนด และแคโทด โดยเมื่อแบตเตอรี่ชาร์จจนเต็ม และเมื่อเกิดการใช้งาน ไอออนภายในแบตเตอรี่จะเคลื่อนที่จากขั้วแอโนด ไปยังแคโทด ผ่านอิเล็คโตรไลท์ จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า ซึ่งเมื่อไอออนเคลื่อนที่ไปยังแคโทดจนหมด ทำให้แบตเตอรี่หมด
how_lithium_ion_battery_work
การชาร์จแบตเตอรี่เป็นการทำให้ไอออนไหลจากขั้วแคโทด สู่แอโนดนั่นเอง ทั้งนี้เทคโนโลยีในปัจจุบันยังจำกัดด้านความจุพลังงาน และยังมีอัตราการชาร์จที่ล่าช้า

ด้วยเทคโนโลยีขั้วไฟฟ้ารูปแบบใหม่จะช่วยขจัดปัญหาเหล่านี้ ด้วยการเปลี่ยนขั้วแอโนดจากที่เคยใช้คาร์บอนที่มีอะตอมลิเธียมเพียงอะตอมเดียวต่อหกอะตอมคาร์บอนไปเป็นซิลิกอนที่มีอะตอมลิเธียมถึงสี่ตัว ต่อหนึ่งอะตอมซิลิกอน จึงใช้พื้นที่ลดลงแต่สามารถมีอะตอมลิเธียมเพิ่มขึ้น แต่ปัญหาคือซิลิกอนขยายตัวอย่างรวดเร็วในระหว่างการชาร์จ ทำให้แบตเตอรี่ไม่เสถียรและสูญเสียความสามารถในการชาร์จค่อนข้างรวดเร็ว แต่ในปัจจุบันทีมงานของศาสตราจารย์ Kung สามารถแก้ไขปัญหาด้านความเสถียรของซิลิกอนดังกล่าวได้แล้ว

คาดว่าเทคโนโลยีใหม่จากมหาวิทยาลัย Northwestern จะสามารถตีตลาดแบตเตอรี่ใหม่ภายใน 3 - 5 ปีนี้ครับ

lithium-ion

ที่มา: http://www.siamget.com/buyerguide/1812